คลังเก็บหมวดหมู่: Robot & Andriod

ได้โปรดเถอะครับ…ผมอยากแต่งงาน

คุณพ่อชาร์ล รู้สึกประหลาดใจเป็นที่สุด เมื่อมองเห็นหุ่นยนต์สองตัวที่กำลังเดินตรงมาที่โบสถ์และกดกระดิ่งที่หน้าประตู

แม้ว่าในปัจจุบันจะมีหุ่นยนต์อยู่ทั่วไป รวมทั้งในเมืองเล็กๆ ดังเช่นที่บริดจ์ตัน นี่ก็ตามที  เมื่อผู้ดูแลโบสถ์พาทั้งสองมาพบเขาก็ยังไม่คลายจากอาการตกตะลึงจากการที่เห็นหุ่นยนต์เข้ามายังที่สถิตของพระเจ้า

“คุณพ่อค่ะ, นี่” หญิงสาวผายมือไปทางหุ่นยนต์ทั้งสอง “คือ L 53 กับ LW 456 พวกเขาต้องการที่จะคุยกับคุณพ่อคะ”

“โอ…ได้สิได้ เชิญเข้ามาใน… เข้ามาแล้วนั่งลง” คุณพ่อชาร์ลไม่เคยพูดคุยอย่างใกล้ชิดกับพวกยักษ์สูงแปดฟุตที่ทำงานชั้นต่ำแทนมนุษย์มาก่อน มันช่างน่าขนพองสยองเกล้าเสียจริง “พวกเจ้าต้องนั่งรึเปล่า”
อ่านเพิ่มเติม ได้โปรดเถอะครับ…ผมอยากแต่งงาน

ใครจะมาแทนมนุษย์?

WHCNRPLCMB0000

“มันบอกว่ามนุษย์ ‘สูญเผ่าพันธุ์’ แล้ว”

“มันหมายถึงว่ามนุษย์ได้หายไปหมดแล้ว” ผู้ดูแลไร่พูดอธิบาย “เพราะฉะนั้นมีเพียงพวกเราเท่านั้นที่จะต้องดูแลกันเอง”

“เยี่ยมไปเลย ถ้ามนุษย์จะไม่กลับมาอีก” ผู้บันทึกรายงานพูดโดยความหมายของมันแล้ว มันรู้สึกว่าเป็นประโยคแห่งการปฏิวัติเลยทีเดียว

 

 

อ่านเพิ่มเติม ใครจะมาแทนมนุษย์?

อวัยวะเทียม – Segregationist

โลกมนุษย์เราในขณะนี้มีมนุษย์อยู่สองจําพวกพวกหนึ่งคือ มนุษย์ที่มีเลือดมีเนื้อ อีกพวกคือพวกที่แทบจะมีอวัยวะเทียมทั้งร่าง เกือบจะเป็นหุ่นยนต์ทําไมเราจะต้องทําให้เกิดความรู้สึกแตกต่างระหว่างคนทั้งสองพวกนี้ด้วยล่ะ?

หัวใจเทียม

อ่านเพิ่มเติม อวัยวะเทียม – Segregationist

ร็อบบี้ที่รัก

ร็อบบี้” เป็นเรื่องเกี่ยวกับหุ่นยนต์เรื่องแรกซึ่งไอแซค อาซิมอฟได้เขียนขึ้นในช่วงวันที่ 10 ถึง 22 พฤษภาคม ค.ศ. 1939  เมื่อเขามีอายุเพียง 19 ปี และเพิ่งจบการศึกษาระดับเตรียมอุดม   งานชิ้นนี้ได้ถูกปฎิเสธโดยจอห์น ดับบลิว แคมแปลล์  และนิตยสารอเมซซิ่ง สตอรี่    อย่างไรก็ตาม ในที่สุดก็ได้รับการยอมรับจาก เเฟรดเดอริค โพล ในวันที่ 25 มีนาคม ค.ศ. 1940  และได้รับการตีพิมพ์ในนิตยสารซูเปอร์ไซน์ สตอรี่ ฉบับเดือนกันยายน ปีเดียวกัน  ซึ่ง เฟรดเดอริค โพล  ผู้เป็นบรรณาธิการได้เปลี่ยนชื่อเรื่องเป็น “พี่เลี้ยงประหลาด[1]  แทน  แต่เมื่ออาซิมอฟได้นำเรื่องนี้มารวมอยู่ในหนังสือ “ข้าคือหุ่นยนต์”[2]  จึงได้ทำการเปลี่ยนกลับ

นอกเหนือจากการเป็นเรื่องเกี่ยวกับหุ่นยนต์เรื่องแรกของอาซิมอฟแล้ว  ร็อบบี้ ยังมีข้อสำคัญอื่นอีก นั่นก็เพราะว่าในเรื่อง จอร์จ เวสตันได้กล่าวต่อภรรยาของเขาเป็นการปกป้องหุ่นยนต์ที่ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงเด็กว่า “…เขาจึงมีความซื่อสัตย์ ความรัก และความกรุณา เขาเป็นเครื่องจักรถูกสร้างขึ้นให้เป็นเช่นนั้น” นั่นเป็นกล่าวถึงเป็นครั้งแรกในสิ่งซึ่งที่สุดแล้วกลายมาเป็น “กฎข้อแรกของหุ่นยนตศาสตร์” และเป็นกฎเพื่อความปลอดภัยซึ่งสร้างฝังเป็นข้อมูลพื้นฐานในสมองกลของหุ่นยนต์

–เรียบเรียงจาก ตอนหนึ่งในบทความ “The Robot Chronicle” จากหนังสือ “GOLD” —

[1] Strange Playfellow
[2] I, Robot

อ่านเพิ่มเติม ร็อบบี้ที่รัก

ปฐมภพ

intast_4905คุณแน่ใจได้อย่างไรว่า นักประวัติศาสตร์จะสามารถแยกชัยชนะกับความปราชัยออกจากกันได้ในทุกกรณี ต่อให้เป็นมืออาชีพก็เถอะ”   กุสตาฟ สไตน์ เอ่ยถามขึ้นอย่างเยาะๆ พลางบรรจงเช็ดหนวดเรียวงามซึ่งออกจะเป็นสีเทากลายๆ เหนือริมฝีปาก   ตัวของเขาเองนั้นเป็นเพียงผู้ชำนาญทางสรีรวิทยา มิใช่นักประวัติศาสตร์   หากแต่คู่สนทนาของเขาต่างหากที่เป็นนักประวัติศาสตร์

อพาร์ทเมนต์ของสไตน์นั้น ถ้าวัดกันด้วยมาตรฐานของโลกแล้วก็นับว่าหรูหรามาก  แต่อย่างไรก็ตาม มันก็ยังขาดที่ทางที่เป็นสัดเป็นส่วนเหมือนกับของพวกชาวภพรอบนอก  ทั้งนี้เพราะมีหน้าต่างที่ผู้อยู่อาศัยสามารถมองออกไปเห็นปรากฏการณ์สามัญของโลกนั่นก็คือภาพของเมืองใหญ่ๆ ที่เต็มไปด้วยผู้คนแออัดยัดเยียดกันทั่วไป ที่จริงแล้ว อพาร์ทเมนต์ของเขายังนับว่าขาดอะไรๆ อีกตั้งหลายอย่าง แม้แต่สิ่งที่จำเป็นต่อการใช้สอย เช่นยังไม่ได้รับโควตาให้มีหุ่นยนต์สมองโปสิตรอนเอาไว้ใช้งาน   พูดโดยรวมๆ แล้วมันยังขาดความภูมิฐานและความเพียบพร้อมในตัวเองบางประการ     เช่นเดียวกับทุกๆ อย่างบนโลก มันเป็นเพียงส่วนย่อยๆ ของชุมชนเท่านั้น แต่สไตน์ซึ่งเป็นชาวโลกโดยกำเนิดก็คุ้นเคยกับมันดี และเมื่อเทียบกับอพาร์ทเมนต์ทั่วๆ ไปบนโลกแล้ว มันก็ยังนับว่าหรูหราอยู่ดี

หากมองออกไปนอกหน้าต่าง คุณจะเห็นตัวเมืองตั้งตระหง่านอยู่ และเหนือขึ้นไปในท้องฟ้าก็คือดวงดาวพราวพราย   ในหมู่ดาวเหล่านั้นก็คือกลุ่มภพรอบนอก ที่ซึ่งไม่มีเมืองใหญ่ๆ เช่นบนโลก  หากแต่เต็มไปด้วยสวนและสนามหญ้าอันเขียวขจีงดงาม ที่ซึ่งชาวโลกปรารถนาอย่างแรงกล้า ทว่าสิ้นหวังที่จะได้ไปเยือนในสักวันหนึ่ง

นอกเสียจากคนบางคน ซึ่งรู้อะไรบางอย่างดี   อย่างเช่น กุสตาฟ สไตน์    อ่านเพิ่มเติม ปฐมภพ

ปรัศวภาควิโลม

กฎ 3 ข้อของหุ่นยนต์ศาสตร์มีไว้ว่า

  1. หุ่นยนต์ ไม่ทำอันตรายมนุษย์ หรือกระทำการใดๆ ซึ่งยังผลให้มนุษย์ได้รับอันตราย

  2. หุ่นยนต์ต้องเชื่อฟังคำสั่งของมนุษย์ ยกเว้นคำสั่งนั้นจะขัดกับกฎข้อ 1

  3. หุ่นยนต์ต้องป้องกันร่างกายของตนเองให้คงอยู่ตราบเท่าการป้องกันนั้นไม่ขัดกับกฎข้อ 1 หรือข้อ 2

ลิเจ บาเลย์ เพิ่งตัดสินใจจะจุดไฟกล้องยาสูบขึ้นใหม่ พอดีประตูสำนักงานของเขาเปิดออกโดยไม่มีเสียงเคาะประตูหรือร้องบอกตามมารยาทก่อนเลยบาเลย์หันไปมองอย่างรำคาญ และแล้วก็ต้องทิ้งกล้องยาสูบลง ความคิดของเขาคงจะสวดเขาแย่ เพราะเขาปล่อยให้มันตกลงมานอนแอ้งแม้ง

“หุ่น ดานีล โอลิวาฟ” เขาพูดด้วยความตื่นเต้นสงสัย “ให้ตายซี นี่แกจริงๆ หรือ”

“คุณพูดถูกทีเดียว” หุ่นร่างสูงสีบลอนด์ที่เพิ่งก้าวเข้ามาพูดลักษณะที่สม่ำเสมอและเยือกเย็นของเขาไม่เปลี่ยนแปลงไปแม้แต่น้อย “ผมเสียใจที่ทำให้คุณแปลกใจโดยไม่ได้เตือนก่อนล่วงหน้า แต่ในสถานการณ์อันละเอียดอ่อนเช่นนี้ต้องมีคนและหุ่นมาเกี่ยวข้องให้น้อยที่สุด ผมดีใจมากที่พบคุณอีกครั้งหนึ่ง สหายเอลิจาห์”

แล้วหุ่นตัวนั้นก็ยื่นมือออกมาด้วยท่าทางที่เหมือนมนุษย์ แต่บาเลย์กลับจ้องมองดูมือที่ยื่นออกมาด้วยความงงงวย และไม่เข้าใจเหมือนกับว่าเขาไม่ใช่มนุษย์ แล้วเขาก็จับมือหุ่นด้วยมือทั้งสองข้าง “ดานีลทำไมต้องเกรงใจถึงอย่างนี้ แกมาได้ตลอดเวลาทีเดียวแต่อะไรนะที่แกว่าสถานการณ์อันละเอียดอ่อน พวกเราอยู่ในความลำบากอีกหรือ ฉันหมายถึงบนโลกน่ะ”

“ไม่หรอกสหาย เอลิจาห์ มันไม่เกี่ยวกับโลกเลย สถานการณ์ ซึ่งผมอ้างว่ามันละเอียดอ่อนนั้นดูอย่างผิวเผิน มันก็เป็นเรื่องเล็ก เป็นข้อพิพาทระหว่างนักคณิตศาสตร์ 2 คนเท่านั้นเอง และเนื่องจากเราเผอิญมาอยู่ใกล้โลกพอดีจึง…”

“ข้อพิพาทเกิดขึ้นบนยานอวกาศละซิ” อ่านเพิ่มเติม ปรัศวภาควิโลม

ความฝันของหุ่นยนต์

“เมื่อคืนนี้…ผมฝัน” LVX-1 พูดด้วยเสียงเบาๆ

ซูซาน เคลวิน นิ่งเงียบ  ใบหน้าวางเฉยไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ให้มองเห็นได้   แต่ก็บ่งบอกถึงความเฉลียวฉลาดและมากไปด้วยประสบการณ์

“คุณได้ยินมั๊ย” ลินดา รัช พูดโพล่งขึ้นมา “มันพูด แบบเดียวกับที่ฉันเล่าให้คุณฟัง”   เธอดูตัวเล็ก ผมสีเข้ม และยังสาว มือขวาขยับอยู่ตลอดเวลา

เคลวินผงกศีรษะ  เธอสั่งอย่างนุ่มนวล  “เอลเวก อย่าเคลื่อนไหวหรือพูดอะไรหรือได้ยินอะไรจนกว่าฉันจะเรียกชื่ออีกครั้ง”

ไม่มีคำตอบใดๆ   หุ่นยนต์นั่งนิ่งราวกับเป็นเพียงโลหะชิ้นหนึ่ง  และมันจะคงอยู่เช่นนี้จนกระทั่งมันได้ยินเสียงเรียกชื่อของมันอีกครั้งหนึ่ง

เคลวินพูดขึ้น “ขอรหัสผ่านคอมพิวเตอร์ของคุณด้วย ดอกเตอร์รัช หรือคุณอาจจะป้อนมันด้วยตัวเองก็ได้ตามแต่สะดวก ฉันต้องการที่จะตรวจดูรูปแบบสมองโปสิตรอนซักหน่อย” อ่านเพิ่มเติม ความฝันของหุ่นยนต์

วิวัฒนาการหุ่นยนต์

 ผมเขียน ร็อบบี้  เรื่องสั้นเกี่ยวกับหุ่นยนต์เรื่องแรกขึ้นเมื่อเดือนพฤษภาคม ปีค.ศ.1939 ตอนนั้นผมมีอายุเพียงแค่ 19 ปีเท่านั้น

เพื่อที่ทำให้มันแตกต่างจากเรื่องเกี่ยวกับหุ่นยนต์เรื่องอื่นๆ ซึ่งถูกเขียนขึ้นก่อนหน้านี้ ผมตั้งใจสร้างหุ่นยนต์ในแบบของผมเอง   พวกเขาจะไม่มีลักษณะที่จะทำให้มนุษย์โกรธแค้น พวกเขาไม่ใช่ตัวอย่างของความพยายามของมนุษย์ที่จะล่วงล้ำเข้าไปในงานของพระเจ้า พวกเขาจะไม่กลายเป็นหอคอยแห่งบาเบลแห่งใหม่ที่ต้องถูกสำเร็จโทษในภายหลัง

ไม่แม้แต่จะมองให้หุ่นยนต์เป็นเพียงชนชั้นสอง   พวกเขาจะไม่ใช่สิ่งที่น่าสงสารซึ่งถูกสร้างขึ้นมาแล้วก็ถูกประหัตประหารอย่างไร้ซึ่งความยุติธรรม เฉกเช่นเรื่องของอีสปที่เขียนถึงพวกยิว คนดำหรือชนชั้นอื่นๆ ในสังคม

—ไอแซค อาซิมอฟ—
บางตอน จาก “My Robots” อ่านเพิ่มเติม วิวัฒนาการหุ่นยนต์

คริสต์มาสที่ปราศจากร็อดนีย์

เรื่องมันเริ่มขึ้นที่ กราซี (เธอเป็นภรรยาของผมมาเกือบๆ สี่สิบปีได้แล้วกระมัง) ต้องการที่จะให้ ร็อดนีย์ มีเวลาพักผ่อนประจำปีกับเขาบ้าง และมันก็มาจบลงเอาที่ผมที่จะต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่มีทางเป็นไปได้ ถ้าหากคุณไม่ว่ากระไรผมก็จะเล่าให้คุณฟัง ถึงยังไงผมก็อยากที่จะเล่าให้ ใครสักคน ฟังอยู่ดีนั่นแหละ แน่นอน ผมได้เปลี่ยนแปลงชื่อและรายละเอียดบางอย่างเพื่อเป็นการป้องกันตัวเอง

สักสองเดือนก่อนนี้ ราวๆ กลางตุลาคม จู่ๆ กราซี ก็เปรยกับผมว่า “ทำไมเราไม่ปล่อยให้ ร็อดนีย์ มีเวลาผักผ่อนประจำปีบ้างล่ะ ทำไมเขาถึงไม่ควรได้โอกาสฉลองคริสต์มาสด้วย” ผมจำได้ดี ตอนนั้นผมกำลังอยู่ในภวังค์ (มันเป็นความรู้สึก แบบที่ ปล่อยให้ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวดำเนินไปอย่างไม่สนใจเมื่อคุณกำลังพักผ่อน หรือ ฟังเพลงเพลินๆ) แต่ผมสามารถรับรู้ได้ในทันที เพื่อที่จะทันหันไปมองกราซี ดูว่าเธอกำลังยิ้มหรือมีแววล้อเล่นในตาเธอหรือเปล่า บางทีเธออาจจะปล่อยมุขตลกออกมาเช่นเคยก็เป็นได้

เธอไม่ได้ยิ้ม ไม่มีแววตาล้อเล่น ผมท้วง “แล้วทำไมเราต้องให้เขาพักด้วยเล่า”

“แล้วทำไมถึงจะให้ไม่ได้ล่ะ”

“เธอต้องให้เครื่องทำความเย็นไปพักร้อนด้วยเหรอเปล่าล่ะ แล้วเครื่องฆ่าเชื้อ กับเครื่องฉายภาพสามมิติล่ะ เราต้องถอดปลั๊กออกด้วยมั๊ย”

“ไม่เอาน่า, โฮเวิร์ด” เธอขัด “ร็อดนีย์ ไม่ใช่เครื่องทำความเย็น หรือเครื่องฆ่าเชื้อ เขาเป็นคน นะ”

“แต่ร็อดนีย์ไม่ใช่คน มันก็เป็นเพียงแค่หุ่นยนต์ ไม่ต้องการพักผ่อนหรอกน่า”

“คุณจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ และเขาก็เป็นคนด้วย เขาควรจะได้รับโอกาสพักและสูดบรรยากาศของวันหยุดดูบ้าง”

ผมไม่อยากที่จะถกกับเธอเรื่องของอะไรที่จัดว่าเป็น “คน” ผมรู้ว่าคุณคงเคยอ่านผลสำรวจที่ระบุว่า ผู้หญิงมักกังวล หวาดระแวง และกลัวในหุ่นยนต์มากกว่าผู้ชายถึงสามเท่า บางทีอาจเป็นเพราะว่าหุ่นยนต์ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทำงานซึ่งในวันเลวร้ายในอดีต เรียกว่า “งานของพวกผู้หญิง” และผู้หญิงก็เกรงว่าจะไร้ค่า แต่ถึงกระนั้นผมคิดว่าพวกเธอบางคนคงจะพึงพอใจนะ อย่างเช่น กราซี นี่ไงดูจะพอใจและชอบร็อดนีย์ เอามากๆ (ทุกๆ วัน เธอมักจะพูดเสมอว่า “ฉันปลื้ม ร็อดนีย์ จัง”)

คุณต้องเข้าใจนะครับว่า ร็อดนีย์ เป็นหุ่นยนต์รุ่นโบราณซึ่งเรามีใช้มากว่า 7 ปีแล้ว มันถูกปรับแต่งให้เข้ากับบ้านสไตล์โบราณ และโดยส่วนตัวผมเองก็ชอบมันอยู่หรอกนะ แต่บางคราวผมก็อยากได้รุ่นใหม่สักตัวหนึ่ง สำหรับใช้ทำงานใหม่ๆ ได้อย่างที่เดอลานเซย์ ลูกของเรามีอยู่ แต่ กราซี ไม่เคยเห็นพ้องด้วยเลยสักครั้ง

พอผมนึกถึงเดอลานเซย์ ผมจึงแย้งขึ้น “เราจะให้ร็อดนีย์ พักยังไงได้ฮึ กราซี
เดอลานเซย์ กำลังจะมาหาพร้อมกับภรรยาหัวสูงสุดหรูหราของเขา (ผมใช้คำว่า “หรูหรา” ด้วยความรู้สึกประชดประชันเต็มที่ แต่ กราซี คงไม่ทันรู้สึก—มันช่างน่าประหลาดใจเสียจริง เธอช่างมองในด้านดีอยู่ตลอดทั้งๆ ที่มันไม่เคยมีอยู่ก็ตามที) “หากเราไม่มีร็อดนีย์ เราจะทำให้บ้านเรียบร้อยดูดีได้ยังไง แล้วอาหารมื้อค่ำอีกล่ะ

“ก็นั่นแหละ” เธอเอ่ยอย่างจริงจัง “เดอลานเซย์ กับ ฮอร์เตนส์ คงจะพาหุ่นยนต์ของพวกเขามาด้วย และมันก็คงจัดการงานบ้านพวกนี้แทนได้ คุณก็รู้ พวกเขาไม่ค่อยใส่ใจอะไรกับร็อดนีย์ นักหรอก พวกเขาคงอยากจะโชว์มากกว่าว่าหุ่นยนต์ของพวกเขานั้นทำอะไรได้บ้าง ร็อดนีย์ ก็สามารถที่จะหยุดพักได้”

ผมแค่นเสียงพูด “ถ้าหากว่ามันทำให้คุณมีความสุขนักละก็ เอายังงั้นก็ได้ ก็แค่สามวัน แต่ผมก็ไม่ต้องการให้ร็อดนีย์ คิดว่าเขาจะได้พักทุกครั้งที่มีวันหยุดด้วยหรอกนะ”

ผมก็แค่พูดติดตลกไปยังงั้นเอง แต่ กราซี ก็ตอบกลับอย่างเป็นจริงเป็นจัง “ไม่หรอก โฮเวิร์ด แล้วฉันจะอธิบายกับเขาเอง ฉันจะย้ำกับเขาว่าแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น”

เธอยังคงไม่เข้าใจอยู่ดีว่าร็อดนีย์นั้นถูกควบคุมโดยกฎสามข้อของหุ่นยนต์ ไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะอธิบายให้มันฟังหรอก

ดังนั้นผมจึงคอยเวลาที่ เดอลานเซย์ กับ ฮอร์เตนส์ มาถึงด้วยจิตใจที่เต็มไปด้วยความกังวล แน่ล่ะที่ เดอลานเซย์ เป็นลูกชายคนเดียวของผม แต่เขาก็เป็นคนที่ทะเยอทะยาน เขาแต่งงานกับ ฮอร์เตนส์ ก็เพียงเพราะว่าเจ้าหล่อนมีสัมพันธภาพทางธุรกิจที่เยี่ยมยอด และเป็นตัวผลักดันให้เขาก้าวสูงขึ้นได้ ถึงอย่างไร ผมก็ยังคงหวังว่าเธออาจจะมีคุณความดีอะไรสักอย่าง แม้ผมยังค้นมันไม่พบก็ตามที

แล้วพวกเขาก็มาถึงพร้อมกับหุ่นยนต์ก่อนวันคริสต์มาสสองวัน หุ่นยนต์นั่นดูหรูหราเฉกเช่นเดียวกับ ฮอร์เตนส์ มันถูกขัดซะเงาวับ มองแล้วไม่มีมุมไหนจะดูเป็นจำพวกเดียวกับร็อดนีย์ได้ หุ่นยนต์ของ ฮอร์เตนส์ (แน่ใจได้เลยว่าเธอคงเป็นผู้ออกแบบมันหรืออย่างน้อยก็ให้มีการผลิตตามที่เธอสั่ง) เคลื่อนไหวได้อย่างเงียบเชียบ มันมักจะย่องมายืนอยู่ด้านหลังผมโดยไม่มีเหตุผลกลใด ทำเอาผมแทบหัวใจหยุดเต้นทุกครั้งที่หันไปแล้วเกือบชนใส่มัน

ที่แย่ไปกว่านั้น เดอลานเซย์ พา เลอรอย มาด้วย หลานชายตัวแสบวัยแปดขวบของผมที่ถอดแบบมาจากฮอร์เตนส์ ยังกับแกะ ผมแน่ใจว่าคงไม่มีใครจงใจที่จะสัมผัสโดนตัวเธอหรอก แต่ผมก็ยอมรับว่าอยากที่จะจับเจ้าหลานตัวแสบนี่ยัดเบ้าผสมคอนกรีต ถึงจะทำให้เขาอยู่นิ่งและปรับปรุงตัวเองได้กระมัง

เขาอยากจะรู้ว่าเราได้ส่งร็อดนีย์ไปยังหน่วยย่อยสลายแล้วรึยัง (เขาเรียกมันว่าที่สำหรับพวกชำรุด) ฮอร์เตนส์ เอ่ยขึ้นพร้อมกับทำจมูกย่นด้วยท่าทีรังเกียจ “เราพาหุ่นยนต์รุ่นใหม่ของเรามาด้วย ฉันคิดว่าคุณพ่อคุณแม่คงจะเก็บเจ้าร็อดนีย์ นี้ไปให้ห่างๆ ได้เลย”

ผมไม่ได้ตอบโต้อะไร แต่เป็นกราซี ที่ตอบไปว่า “แน่นอนสิ, ที่รัก อันที่จริงแล้ว เราให้ร็อดนีย์ หยุดพักน่ะ”

เดอลานเซย์ ทำหน้าปุเลี่ยนๆ แต่ก็ไม่เอ่ยอะไรออกมาเช่นกัน เขาย่อมรู้จักนิสัยมารดาตนเองดี

ผมแนะ ด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “ถ้ายังงั้น เราลองเริ่มจากการให้ แรมโบลองทำเครื่องดื่มดีมั๊ย เออ อะไรดีล่ะ กาแฟ ชา ช็อกโกเลตร้อนๆ หรือบรั่นดี—”

แรมโบ คือชื่อหุ่นยนต์ของพวกเขา ไม่รู้ว่าทำไมถึงขึ้นต้นด้วยตัว อาร์ ไม่มีกฏเกี่ยวกับเรื่องนี้สักหน่อย แต่คุณคงสังเกตุได้ด้วยตนเองว่าหุ่นยนต์ส่วนมากจะมีชื่อขึ้นต้นด้วยตัว อาร์ ผมสันนิษฐานเอาเองว่า อาร์ มาจากหุ่นยนต์ ชื่อที่นิยมมากคือโรเบิร์ต มันคงมีหุ่นยนต์ซักล้านตัวกระมังที่มีชื่อว่าโรเบิร์ต

ถ้าเป็นแบบนั้นละก็ ตามความคิดของผม คนทั่วไปก็คงไม่มีใครตั้งชื่อที่ขึ้นต้นด้วยตัวอาร์อีกเป็นแน่ คุณอาจจะใช้ชื่อ บ็อบ หรือ ดิ๊ก ก็ได้แต่ไม่ใช่ โรเบิร์ตหรือ ริชาร์ด หรืออาจใช้ โพซี่ หรือ ทรูดี้ แต่ไม่ใช่ โรส หรือ รูธ เป็นแน่ รึกระทั่งชื่อที่ไม่ค่อยใช้กันสักเท่าไรก็ตามที ผมรู้จักหุ่นยนต์สามตัวที่มีชื่อว่า รุตาบากา และหุ่นอีกสองตัวที่ชื่อว่า รามเสส แต่ ฮอร์เตนส์ เป็นเพียงคนเดียวที่ผมรู้จักที่ตั้งชื่อหุ่นยนต์ว่า แรมโบ ชื่อแบบนี้ผมไม่เคยเจอะเคยเจอมาก่อน ผมไม่เคยอยากที่จะถามหรอกนะว่าทำไม ผมแน่ใจว่าเหตุผลที่ได้จากการอธิบายนั่นคงไม่ใช่เรื่องที่น่าสนุกเป็นแน่

แรมโบกลายเป็นสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ไปในทันที แน่ล่ะเขาเป็นหุ่นยนต์ที่ถูกโปรแกรมมาสำหรับงานภายในบ้านของ เดอลานเซย์/ฮอร์เตนส์ โดยเฉพาะ มันเป็นรุ่นที่ทันสมัยและอัตโนมัติอย่างมาก การจัดเตรียมเครื่องดื่มในบ้านของพวกเขา สิ่งที่แรมโบต้องทำก็เพียงแค่กดปุ่มให้ถูกต้องเท่านั้นเอง (ทำไมนะ ใครต่อใครถึงต้องการให้หุ่นยนต์กดปุ่มแทน ผมอยากรู้นักเชียว)

เขาก็บอกในทำนองนั้น เมื่อเขาหันไปหาฮอร์เตนส์ และพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลราวกับน้ำผึ้ง (ไม่ใช่เสียงแบบเด็กย่านบรู๊คลีนเฉกเช่นร็อดนีย์ “อุปกรณ์เหล่านี้ใช้การไม่ได้ครับ คุณผู้หญิง” แล้ว ฮอร์เตนส์ ก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงปนความเย้ยหยัน “หมายความว่า ที่นี่ไม่มีครัวแบบหุ่นยนต์ยังงั้นรึค่ะ คุณปู่” (หล่อนไม่เคยเรียกผมแบบนี้ จนกระทั่ง เลอรอย เกิด หล่อนจึงเปลี่ยนมาเรียกผมว่า “คุณปู่” หล่อนไม่เคยเรียกผมว่า โฮเวิร์ด เพราะนั่นจะแสดงให้เห็นว่าผมเป็นมนุษย์ หรือ ที่ไม่น่าเป็นไปได้มากกว่านั้นคือ แสดงให้เห็นว่าเธอเป็นมนุษย์)

ผมขัดขึ้น “เป็นสิ มันจะเป็นครัวแบบหุ่นยนต์ ก็เมื่อมี ร็อดนีย์ อยู่ในนั้นด้วย”

“ฉันเพียงแต่บอกว่า” หล่อนท้วง “นี่เราไม่ได้อยู่ในศตวรรษที่ยี่สิบแล้วนะค่ะ คุณปู่”

ผมคิด: ไม่รู้รึไงว่าฉันอยากจะอยู่แบบในยุคนั้นเพียงใด—แต่ผมก็พูดเพียงแต่ว่า “ถ้างั้น ทำไมไม่ปรับโปรแกรมให้แรมโบสามารถทำงานกับอุปกรณ์ของเราล่ะ ฉันคิดว่าเขาคงจะเท ผสม และต้ม หรือทำอะไรก็ตามเท่าที่จำเป็นได้กระมัง”

“ดิฉันมั่นใจว่าเขาทำได้” ฮอร์เตนส์ ยืนยัน “แต่เขาไม่ถูกกำหนดให้ทำแบบนั้น และดิฉันก็ไม่ต้องการที่จะไปยุ่งกับโปรแกรมของเขาด้วย มันจะทำให้เขามีประสิทธิภาพลดลง”

กราซี เอ่ยขึ้นอย่างมีกังวล แต่ก็ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “แต่ถ้าหากเราไม่ปรับโปรแกรมของเขา เราก็จะต้องสั่งให้เขาทำทีละขั้นตอน แต่ฉันก็ไม่รู้ว่ามันทำอย่างไร ฉันไม่เคยทำมาก่อน”

ผมตอบ “ร็อดนีย์ สามารถบอกเขาได้”

กราซี ค้านทันที “โอ, โฮเวิร์ด ก็เราจะให้ ร็อดนีย์เขาพักผ่อนยังไงละ”

“ผมก็รู้ แต่เราก็ไม่ได้ขอให้เขาทำอะไรให้นี่ เพียงแค่ให้บอกแรมโบ ว่าต้องทำอย่างไร แล้วก็ให้แรมโบ ทำ”

ขณะนั้นเอง แรมโบ ก็พูดขึ้นอย่างแข็งขัน “คุณผู้หญิงครับ ไม่มีส่วนไหนในโปรแกรม หรือในชุดคำสั่งของผมที่ระบุว่าให้ผมสามารถรับคำสั่งจากหุ่นยนต์ตัวอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ่นยนต์รุ่นที่เก่ากว่า”

ฮอร์เตนส์ พูดราวกับปลอบโยนมัน “แน่นอนสิ แรมโบ ฉันมั่นใจว่าคุณปู่และคุณย่าเข้าใจในเรื่องนี้ดี” (ผมสังเกตเห็นว่า เดอลานเซย์ไม่พูดอะไรเลยสักคำ ผมคงประหลาดใจน่าดู ถ้าหากว่าเขาพูดอะไรออกมาบ้างตอนที่ภรรยาสุดที่รักของเขาอยู่ด้วย)

ผมก็เลยขัดขึ้น “เป็นอันว่า ฉันจะให้ ร็อดนีย์ บอกกับฉัน แล้วฉันก็จะบอกต่อแรมโบ อีกทีหนึ่ง”

แรมโบ ไม่พูดอะไรอีก นั่นเป็นเพราะแรมโบ อยู่ภายใต้กฎข้อที่สองของหุ่นยนต์ซึ่งบังคับให้เขาต้องเชื่อฟังคำสั่งของมนุษย์

ตาของฮอร์เตนส์ หรี่ลง และผมรู้สึกได้ว่าเธอต้องการจะบอกผมว่าเจ้าแรมโบ นั้นวิเศษเลิศเลอซะเกินกว่าที่จะรับคำสั่งจากผม แต่อาจด้วยสำนึกวูบหนึ่งของความเป็นคนช่วยรั้งเธอไว้จากการที่จะทำเช่นนั้น

เลอรอยน้อยถูกขวางโดยการห้ามปรามจากสิ่งที่คล้ายมนุษย์ เขาร้องขึ้น “ผมไม่ต้องการเห็นหน้าตาน่าเกลียดของเจ้าร็อดนีย์ ผมว่ามันคงไม่รู้ว่าจะทำอะไรยังไงหรอก แต่ถึงมันจะรู้ละก็ คุณปู่คงจะทำมันผิดอยู่ดีนะแหละ”

ผมคิดว่า มันคงจะดีถ้าหากว่าผมได้มีโอกาสอยู่กับเลอรอยน้อยสักห้านาทีและทำให้เขาเงียบลง ด้วยเหตุผลหรือไม่ก็ด้วยก้อนอิฐ แต่สัญชาติญาณความเป็นแม่คงบอกกับ ฮอร์เตนส์ ว่าอย่าปล่อยให้เลอรอยอยู่ตามลำพังกับมนุษย์คนอื่น

อันที่จริงก็ไม่เห็นต้องทำอะไรเลย เพียงแค่ให้ ร็อดนีย์ ออกมาจากช่องในผนังที่ซึ่งเขากำลังมีความสุขอยู่กับภวังค์ความคิดของตัวเอง (ผมคงต้องประหลาดใจเป็นแน่ ถ้าหากว่าหุ่นยนต์มีความคิดเป็นของตนเองยามอยู่ตามลำพัง) และให้เขากลับไปทำงาน มันยุ่งยากน่าดู ถ้าเขาจะต้องพูดประโยคหนึ่ง แล้วผมก็ต้องพูดประโยคเดียวกัน แล้วแรมโบจึงจะทำงานอะไรได้สักอย่าง จากนั้น ร็อดนีย์ ก็จะพูดอีกประโยคหนึ่ง แล้วก็ต่อๆ ไป

มันดูจะใช้เวลาสองเท่าเมื่อเทียบกับการที่ให้ ร็อดนีย์ ทำด้วยตัวมันเอง และมันก็ทำให้ผมยุ่งยากมากด้วย ผมบอกคุณเช่นนี้ได้ ก็เพราะว่ามันต้องเป็นไปอย่างนั้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้เครื่องฆ่าเชื้อ/ล้างจาน การทำอาหารสำหรับฉลองคริสต์มาส การทำความสะอาดโต๊ะหรือพื้นที่รกเลอะเทอะ ทุกๆ สิ่งนะแหละ

กราซี ได้แต่พร่ำบ่นว่า วันหยุดของร็อดนีย์ กำลังถูกทำลาย ดูเหมือนว่าเธอไม่ได้รู้สึกเลยว่าวันหยุดของผมก็ถูกทำลายด้วยเช่นกัน แม้ว่าผมจะชื่นชมต่อ ฮอร์เตนส์ ในการที่เธอสามารถที่จะพูดบางสิ่งบางอย่างที่ไม่สุภาพออกมาได้ในแทบจะทุกๆ เรื่อง ผมลองสังเกต เธอไม่เคยมองย้อนดูตัวเองเลยสักครั้ง ไม่ว่าใครๆ ก็สามารถหยาบคายได้ แต่ความสามารถสร้างสรรค์ในเชิงหยาบคายนั่นทำให้ผมต้องปรบมือให้เธอเลย

จริงๆ แล้ว สิ่งที่เลวร้ายที่สุดมักมาในคืนวันคริสต์มาสอีฟ เมื่อต้นไม้ถูกตั้งขึ้น ผมก็แทบหมดแรง เราไม่ได้มีต้นไม้อิเล็คโทรนิคที่จะต่อเข้ากับกล่องเครื่องประดับอัตโนมัติ และกดเพียงแค่ปุ่มเดียวทุกอย่างก็เรียบร้อย สมบูรณ์ สวยงาม ต้นไม้ของเรา (แบบดั้งเดิม, พลาสติกแบบโบราณ) อุปกรณ์เครื่องประดับจะต้องถูกนำมาติด ทีละชิ้น ด้วยมือ

ฮอร์เตนส์ ดูเหมือนจะทักท้วง แต่ผมก็พูดดักเอาไว้ก่อน “อันที่จริงนะ ฮอร์เตนส์ การที่ต้องทำแบบนี้หมายความว่าเธอจะสามารถคิดสร้างสรรค์ หรือจัดการมันด้วยตัวเธอเองได้”

ฮอร์เตนส์ ทำท่าฟุดฟิดราวกับเอาเล็บขูดผนังปูนขรุขระ และเดินออกจากห้องไปด้วยอาการคลื่นเหียนที่แสดงออกบนใบหน้า ผมมองตามหลังเธอไป ดีใจที่เธอไปซะได้ แล้วผมจึงเริ่มงานที่น่าเบื่อหน่ายในการฟังคำสั่งต่างๆ สำหรับงานของ ร็อดนีย์ แล้วป้อนมันเข้าให้กับ แรมโบ

เมื่อมันสิ้นสุด ผมก็ตัดสินใจที่จะพักสมองและเท้าที่ระบม โดยนั่งลงบนเก้าอี้ตรงมุมสลัวๆ ของห้อง ผมเพิ่งจะเอนร่างที่ปวดระบมลงบนเก้าอี้ เลอรอย น้อยก็เข้ามา คาดว่าเขาคงมองไม่เห็นผม หรือไม่ก็อาจจะไม่ได้สนใจคิดว่าเป็นเพียงเฟอร์นิเจอร์ที่ไม่สำคัญและไม่น่าสนใจชิ้นหนึ่งที่อยู่ในห้องก็เป็นได้

เขาจ้องไปที่ต้นคริสต์มาสอย่างเหยียดๆ แล้วพูดกับ แรมโบ “ไหนล่ะของขวัญวันคริสต์มาส ฉันขอคุณปู่กับคุณย่าให้ของขวัญฉันชิ้นหนึ่ง แต่ฉันไม่ต้องการรอจนถึงเช้าวันพรุ่งนี้”

แรมโบ ตอบ “ผมไม่ทราบว่ามันอยู่ที่ไหนครับ เจ้านายน้อย”

“ฮู่วห์!” เลอรอย ทำเสียงไม่ได้ดั่งใจ พลางหันไปทาง ร็อดนีย์ “แล้วแกล่ะ ไอ้หน้าเหม็น แกรู้มั๊ยว่าของขวัญนั่นอยู่ที่ไหน”

ด้วยขอบเขตของโปรแกรมทีมีอยู่ภายในตัว ร็อดนีย์ ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม เพราะเขาไม่รู้สึกว่าเขาถูกอ้างถึง ด้วยที่ชื่อของเขาคือ ร็อดนีย์ ไม่ใช่ไอ้หน้าเหม็น อย่างไรก็ตาม เขาก็เห็นว่าก็ไม่ใช่ลักษณะของ แรมโบ เช่นกัน เขาจึงตอบกลับไปอย่างสุภาพ “ผมทราบครับ เจ้านายน้อย”

“แล้วมันอยู่ที่ไหนล่ะ เจ้าอ้วกแก่”

ร็อดนีย์ ตอบ “ผมไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องฉลาดที่จะบอกคุณครับ เจ้านายน้อย นั่นคงจะทำให้ กราซี และโฮเวิร์ด ซึ่งต้องการที่จะมอบของขวัญนั้นให้คุณในตอนเช้าต้องผิดหวังเป็นแน่”

“ฟังนะ” เจ้าเลอรอย ตัวน้อยพูดเชิงสั่ง “แกคิดว่าแกกำลังพูดอยู่กับใคร ไอ้หุ่นยนต์งี่เง่า เอาล่ะตอนนี้ข้าขอสั่งให้แกเอาของขวัญนั่นมาให้ข้าเดี๋ยวนี้” และด้วยความตั้งใจที่จะแสดงให้ ร็อดนีย์ เห็นว่าใครเป็นเจ้านาย เขาจึงเตะหุ่นยนต์นั่นเข้าที่หน้าแข้ง

นั่นเป็นสิ่งที่ผิดพลาด ผมมองเห็นเพียงวินาทีก่อนที่เกิดเหตุ ก่อนวินาทีแห่งความเบิกบานใจนั่น จากนั้นเจ้าเลอรอย ตัวน้อยคงจะพร้อมเข้านอนเป็นแน่ (แม้ว่าเขาควรที่จะเข้านอนหน้านี้แล้ว) ตอนนั้นเขาสวมรองเท้าแตะอยู่ รองเท้านั่นคงหลุดออกจากเท้าเขาตอนที่เขาเตะ เขาจึงเตะเข้าที่หน้าแข้งของหุ่นยนต์ที่สร้างมาจากเหล็กโครเมียมที่แข็งแกร่งด้วยเท้าเปล่า

เขาหล่นลงพื้น พลางร้องเรียกหาแม่ลั่น “มีอะไรหือ เลอรอย มีอะไร”

เจ้าเลอรอย ตัวน้อยฟ้องลั่น “เขาตีผม เจ้าหุ่นยนต์ปีศาจนี่ตีผม”

ฮอร์เตนส์ กรีดร้อง หล่อนหันมาทางผมและตะโกนใส่ “ไอ้หุ่นกระป๋องนี้ต้องถูกทำลาย”

ผมท้วง “ไม่เอาน่า, ฮอร์เตนส์ หุ่นยนต์ไม่สามารถตีเด็กได้ กฎข้อแรกของหุ่นยนต์ป้องกันเอาไว้แล้ว”

“มันเป็นหุ่นเก่าๆ ไอ้หุ่นชำรุด เลอรอย บอกว่า—”

เลอรอย โกหก ไม่มีหุ่นยนต์แบบไหน ไม่ว่าจะเก่าหรือชำรุด จะสามารถตีเด็กได้

“แต่เขา ตีผม คุณปู่ตีผม” เลอรอย คราง

“ฉันก็อยากจะตีอยู่หรอก” ผมเอ่ยเบาๆ “แต่ไม่มีหุ่นยนต์ตัวไหนหรอก ที่จะปล่อยให้ฉันทำแบบนั้น ลองถามหุ่นยนต์ของเธอดูสิ ถามแรมโบ ดูสิ ว่าเขาจะนิ่งเฉยในขณะที่ ร็อดนีย์ หรือว่าฉันตีลูกของเธอรึเปล่าหือ ว่าไงแรมโบ

ผมอ้างถึงมันอย่างเลี่ยงไม่ได้ และ แรมโบ ก็ตอบว่า “ผมไม่สามารถปล่อยให้มีอันตรายใดๆ เกิดขึ้นกับเจ้านายน้อยเป็นแน่ครับ คุณผู้หญิง แต่ผมก็ไม่รู้ว่าเจ้านายน้อยคิดจะทำอะไร เขาเตะเข้าที่หน้าแข้งของร็อดนีย์ ด้วยเท้าเปล่าครับ คุณผู้หญิง”

ฮอร์เตนส์ หอบฮั่กๆ นัยน์ตาโปนด้วยความโกรธ “เขาต้องมีเหตุผลที่ดีพอที่จะทำเช่นนั้น ถึงยังไงก็ตาม ดิฉันก็ยังต้องการเห็นเจ้าหุ่นยนต์นี่ถูกทำลาย”

“ก็เอาสิฮอร์เตนส์ หากว่าเธออยากที่จะทำลายประสิทธิภาพของหุ่นยนต์ของเธอ โดยพยายามปรับโปรแกรมให้มันโกหก มันจะเป็นพยานปากเอกที่จะบอกว่าอะไรที่นำมาซึ่งการเตะนั่น และมันเป็นยังไงต่อไป หากเป็นเช่นนั้นละก็ ฉันก็ยินดี”

ฮอร์เตนส์ กลับในเช้าวันถัดไป หล่อนพยุงเลอรอย ที่หน้าตาถอดสีซีดเซียวไปกับหล่อนด้วย(ดูเหมือนว่าเขาจะนิ้วเท้าซ้น—แต่ก็ไม่มีสิ่งใดที่เขาไม่สมควรจะได้รับ) และตามท้ายด้วยเดอลานเซย์ ที่ยังคงปิดปากเงียบสนิท

กราซี พยายามอ้อนวอนให้พวกเขาอยู่ต่อ ผมมองดูพวกเขาจากไปอย่างไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ ไม่สิ นั่นดูจะปดไปสักหน่อย ผมมองดูพวกเขาจากไปอย่างเต็มไปด้วยอารมณ์ อารมณ์ที่โปรดโปร่งโล่งใจ

ภายหลัง ผมพูดกับ ร็อดนีย์ ตอนที่ กราซี ไม่อยู่ด้วย “ฉันเสียใจนะ ร็อดนีย์ มันช่างเป็นคริสต์มาสที่เลวร้ายซะจริง เพียงเพราะว่าเราพยายามที่จะมีมันโดยปราศจากเธอ เราจะไม่ทำเช่นนี้อีก ฉันสัญญา”

“ขอบคุณครับ, ท่าน” ร็อดนีย์ เอ่ยตอบ “ผมต้องยอมรับว่าช่วงสองวันที่ผ่านมานี้ผมรู้สึกปรารถนาอย่างจริงจังว่ากฎของหุ่นยนต์นั้นไม่มีอยู่”

ผมแสยะยิ้ม แล้วก็ส่ายศีรษะ แต่ก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกและเริ่มที่จะกังวล ผมรู้สึกกังวลอยู่เรื่อยมานับตั้งแต่นั้น

ผมยอมรับว่า ร็อดนีย์ ใช้ความพยายามอย่างมากแล้ว แต่หุ่นยนต์ไม่สามารถที่จะปรารถนาให้ปราศจากซึ่งกฎของหุ่นยนต์ ได้ มันต้องไม่สามารถคิดเช่นนั้น ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นใดก็ตาม

ถ้าหากผมรายงานเรื่องนี้ไป ร็อดนีย์ ก็คงต้องถูกนำไปทำลายเป็นเศษขยะ และถ้าหากเราได้รับหุ่นยนต์ตัวใหม่มาแทน กราซี ก็คงไม่มีวันให้อภัยผมเป็นแน่ ไม่มีทาง ต้องไม่มีหุ่นยนต์ตัวใหม่ ไม่ว่าจะรุ่นใหม่สักเพียงใด ไม่ว่าจะมีความสามารถมากเพียงไหน สำหรับเธอแล้ว ไม่มีหุ่นยนต์ตัวใดสามารถแทนที่ร็อดนีย์ได้

ผมไม่เคยยกโทษให้กับตัวเองเลย อันที่จริงนอกจากความชมชอบเป็นส่วนตัวของผมที่มีต่อร็อดนีย์แล้ว ผมก็ไม่ปรารถนาที่จะหยิบยื่นความพึงพอใจเช่นนั้นให้กับฮอร์เตนส์ หรอก

แต่ถ้าผมไม่ทำอะไรเลย ผมก็จะอยู่กับหุ่นยนต์ที่สามารถที่จะปรารถนาให้ปราศจากซึ่งกฎของหุ่นยนต์ จากความปรารถนาไปเป็นการมีพฤติกรรมราวกับปราศจากซึ่งกฎนั้นต่างกันราวถูกคั่นเพียงเส้นบางๆ เท่านั้น แล้วชั่วขณะไหนล่ะที่มันจะก้าวข้ามเส้นนั้น แล้วจากนั้นมันจะมีพฤติกรรมแบบไหนกัน

แล้วจะให้ผมทำอย่างไรดี? ทำอย่างไรดี?

จากเรื่อง Christmas without Rodney
แต่งโดย ไอแซค อาซิมอฟ

เพื่อนรัก

Lular City

นายแอนเดอร์สัน เอ่ยขึ้น “ที่รักจ๊ะ  จิมมี่ อยู่ไหน”

“คงออกไปเล่นแถวๆ เครเตอร์ ละมั๊ง” นางแอนเดอร์สันตอบ “ไม่เป็นไรหรอก โรบัทท์ ไปกับเขาด้วย—เจ้านั่น มาถึงแล้วรึ”

“จ๊ะ มาถึงที่สถานีส่งจรวดแล้ว กำลังเข้ารับการทดสอบ อันที่จริงตัวผมเองแทบรอที่จะเจอมันไม่ไหวแล้ว นับตั้งแต่ผมจากโลกมาเมื่อ 15 ปีก่อน ฉันก็ไม่เคยเห็นมัน จริงๆ สักครั้ง ไม่นับในภาพยนตร์นะ

จิมมี่ ก็ไม่เคยเจอแม้แต่ครั้งเดียว” นางแอนเดอร์สัน สนับสนุน

“ก็เพราะเขาเป็นเด็กที่เกิดบนดวงจันทร์ และไม่เคยไปเยี่ยมโลกมาก่อนนะสิ นั่นแหละเป็นเหตุผลที่ผมนำมัน มาที่นี่ ผมคิดว่าน่าจะเป็นครั้งแรกบนดวงจันทร์”

อ่านเพิ่มเติม เพื่อนรัก