บนภูเขาซู เหล่าทหารและคนรับใช้ในวังของหลิงไต้อ๋องเข้าปะทะกับเหล่าทหารและคนรับใช้ของคฤหาสน์ของแม่ทัพใหญ่หลูเว่ย บรรดาแม่ครัวและคนงานคอกม้าและทหารต่างร่ายรำกังฟูเข้าใส่กันจนหน้าปูดตาบวมปากแตกได้เลือดกันเป็นแถบๆ หลังวางมวยกันพักใหญ่ ต่างฝ่ายต่างหมดแรง ทุกคนปวดเนื้อปวดตัวไปถึงกระดูก เหล่านักสู้ต่างนั่งๆ นอนๆ พักเอาแรงกระจายอยู่บนพื้น เหงื่อไหลพลั่กๆ หอบแฮ่กๆ และไม่มีแรงเหลือจะลุกขึ้นได้อีก หลิงไต้อ๋องและแม่ทัพใหญ่หลูเว่ยต่างตะโกนสั่งให้ทั้งสองฝ่ายลุกขึ้นสู้กันต่อ ในที่สุดไพร่พลของทั้งสองฝ่ายก็ลุกกลับขึ้นมาได้ แต่ไม่ใช่เพื่อรำมวยกันอีกรอบ สิ่งสวยงามเรื่องหนึ่งกำลังเกิดขึ้น และทุกคนลุกขึ้นยืนเพื่อให้เห็นได้ชัดๆ
จากยอดสูงสุดของภูเขา ขบวนแห่งานแต่งที่ดูน่าตื่นตะลึงขบวนหนึ่งกำลังทยอยกันลงมา โดยมีเจ้าบ่าวและเจ้าสาวนั่งอยู่บนหลังของม้ามังกรโพ ท่านชายฮาหลิงเมและแม่นางกวาเว่ยต่างสวมชุดแต่งงานสวยสดงดงาม ทั้งสองแต่งหน้าสำหรับเข้างานแต่งงานด้วยสีสันอันฉูดฉาดราวตัวละคร เบื้องหลังทั้งสองตามติดมาด้วยฝูงสัตว์นานาชนิดที่ลากจูงรถเข็นที่บรรจุไว้ด้วยสิ่งของอันมากประโยชน์และมากมูลค่าจนเพียบแปล้
เจ้าม้าแพะมังกรปี่เซียะลากเกวียนที่บรรจุเหรียญทองมาจนเต็ม
เจ้าแมวยักษ์เคียวโทน หรือม้าเสือมังกร ลากเอารถเข็นที่เต็มไปด้วยเครื่องเรือนเคลือบเงาชั้นดี ม้วนผ้าเนื้อดีที่ทอประกายระยับราวอัญมณีและโลหะมีค่า และดาบที่ประดับพราวด้วยอัญมณี
เจ้าเซี่ยจื้อหรือม้าสิงโตมังกรก็เดินฮัมเพลงแต่งงาน พลางลากเกวียนคันยักษ์ที่บรรทุกเอาไว้ด้วยบ้านหลังใหญ่ที่มีประตู หน้าต่างและเพดานสลักเสลาอย่างสวยงาม
ที่เดินอยู่ด้านข้างของขบวนงานแต่ง คือแม่มดชราแห่งภูผาซู นางได้จัดพิธีมงคลสมรสให้ทั้งคู่ด้วยตนเอง เมื่อขบวนแห่หยุดลง
แม่มดชราได้เอ่ยขึ้น “ท่านชายฮาหลิงเมและแม่นางกวาเว่ยได้เข้าพิธีมงคลสมรสกันแล้วในแดนสวรรค์ ของขวัญเหล่านี้ให้ไว้เพื่อให้ทั้งสองได้ตั้งบ้านเรือนของตนเอง ให้เป็นหน้าที่ของหลิงไต้อ๋องและ
ใต้เท้าหลูเว่ยตัดสินใจว่าบ้านหลังใหม่ของคู่สามีภรรยาควรจะตั้งอยู่ที่ใด”
“ข้าจะยกที่ดินของข้าด้านทิศเหนือ ส่วนที่ใกล้ที่สุดกับวังของ
หลิงไต้อ๋องให้” ท่านลุงหลูกล่าวอย่างยินดี
“ข้าจะยกที่ดินของข้าด้านทิศใต้ ส่วนที่อยู่ใกล้ที่สุดกับคฤหาสน์ของท่านแม่ทัพหลูเว่ยให้” หลิงไต้อ๋องกล่าวด้วยน้ำเสียงดีใจไม่น้อยหน้าไปกว่ากัน
จากนั้นเหล่าข้ารับใช้ที่สะบักสะบอมของทั้งสองตระกูลก็เริ่มเต้นระบำและร้องเพลงด้วยกัน พวกเขาเดินตามขบวนแห่งานแต่งลงไปจากภูเขา
เป็นเวลากว่าห้าร้อยปีที่เรื่องนี้เฝ้ารอคอยให้มันได้ถูกบอกเล่าออกไป และบัดนี้มันก็ได้ถูกเล่าออกไปในที่สุด
[1] หมายเหตุผู้แปล
1. ต้นฉบับเรียก “Unicorn” อันหมายถึง “กิเลน” (Qilin) ในภาษาจีน หรือ “ม้ามังกร” – แบบเดียวกันกับที่เป็นสัตว์พาหนะของสินสมุทรนั่นแหละ
2. ต้นฉบับมีชื่อภาษาจีนจำนวนหนึ่ง ทั้งชื่อคน ตระกูล และสายพันธุ์ม้ามังกร ผู้แปลพยายามเทียบเสียง Romanization ชื่อเหล่านั้นให้กลับมาใกล้เคียงที่สุด แต่อาจจะมีความผิดพลาดได้ โดยเฉพาะชื่อสายพันธุ์ต่างๆ ของม้ามังกร ที่หาอ้างอิงข้ามสามภาษาได้ยาก ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้
[2] ต้นฉบับใช้ Biscuit หรือขนมปังกรอบ แปลงเป็นขนมโก๋ให้เข้ากับบริบท
[3] ต้นฉบับใช้ Fairy Queen หรือราชินีนางฟ้า เทียบกับตำนานจีน เทพมารดา เจ้าแม่หนี่วาน่าจะใกล้เคียงที่สุดแล้ว